วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

โรแบร์โต้ บักโจ้

ตำนาน เทพบุตรเปียทองคำ โรแบร์โต้ บักโจ้ (Roberto Baggio) ตำนานเบอร์ 10 หมายเลขหนึ่งของทีมชาติอิตาลี่ นักฟุตบอลสุดคลาสสิคแห่งวงการลูกหนังโลก เคยถูกยกให้เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุด คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย เป็นนักเตะที่เล่นด้วยพรสวรรค์ล้วนๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีทักษะความคล่องตัวสูงมาก เป็นนักเตะตัวค่อนข้างเล็กมีความเร็วไม่มากนัก แต่มีสกิลและเทคนิคที่คลาสสิก แย่งบอลยาก เป็นกองหน้าตัวต่ำที่ผ่านบอลทะลุช่องให้เพื่อนทำประตูได้เป็นอย่างดี การันตีการยิงบอลได้คมมาก ชอบหลอกยิงอยู่เป็นประจำ ที่เหล่าแฟนบอลได้ดูเขาเล่นก็ดีใจแล้ว เขาประสบความสำเร็จมากมายนับไม่ถ้วนเหลืออย่างเดียวการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และบักโจ้คือตำนานผู้ผิดหวัง ที่ยิงจุดโทษข้ามคานในนัดชิงบอลโลกปี 1994 ทำให้บราซิลคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ไป ที่เหล่าแฟนบอลทั่วโลกยังคงจดจำลูกยิงของเขาจนถึงทุกวันนี้


   บัจโจ้ เริ่มต้นเล่นให้กับทีมเยาวชน วิเชนซ่า เขาเล่นได้เด่นมากและทำประตูได้เกอบทุกเกมที่เขาเล่น จนมีคนเปรียบเทียบการเล่นของเขาคล้ายๆ กับ ซิโก้ ตำนานแห่งบราซิล แต่เมื่อเขาอายุ 18 ปี เกิดมีอาการบาดเจ็บเข่าขวาอย่างรุนแรง สโมสรวิเชนซ่าจึงตัดสินใจปล่อยตัวไปให้กับ ฟิออเรนติน่า ทีมีทีมแพทย์ที่เก่งและอาจช่วยบัจโจ้ให้หายจากอาการบาดเจ็บได้ เขาอาการดีขึ้นเลื่อยๆ และยังทำผลงานได้ดีมาก โชว์ฟอร์มเด่นและตะบันประตูอยู่เป็นประจำ จนกลายเป็นตัวหลักของทีม ทำให้แฟนบอลฟิออเรนติน่ายกย่องให้เขาเป็นซุปตาร์ประจำทีม และมีเหล่าเกจิลูกหนังต่างยกย่องในความสามารถของเขามาก


   ในปี 1990 เทพบุตรเปียทองคำ ก็ถูกขายมายัง ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ แพงที่สุดในโลกในตอนนั้น และมีแฟนบอลฟิออเรนติน่ามากมายต่างออกมาต่อว่าในการย้ายทีมของเขา บักโจ้ได้ตอบกับแฟนบอลฟิออเรนติน่าสั้นๆ ว่า “ฉันถูกบังคับให้ย้าย หัวใจฉันยังคงอยู่กับม่วงมหากาฬอยู่เสมอ” เมื่อย้ายมายังยูเวนตุสเขาได้รับให้สวมหมายเลข 10 ประจำทีม เขายังคงทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมและพังประตูอยู่ตลอดเวลาจนในปี 1992 เขาได้รับให้สวมปลอกแขนกัปตันทีม พร้อมกับปี 1993 ที่เขาได้รับรางวัลบังลังดอร์และนักเตะยอดเยี่ยมของโลกไปครอง จนในปี 1994 เขาก็สร้างผลงานพาอิตาลี่เข้าชิงบอลโลกแต่น่าเสียดายเขาเป็นคนที่ยิงจุดโทษลูกสุดท้ายพลาดทำให้ทีมชาติอิตาลีคว้าที่สองไป


   ในปี 1995 บักโจ้ก็ได้ถูกขายมายัง เอซี มิลาน เนื่องจากอาการบาดเจ็บและไม่ได้อยู่ในแผนทำทีมของโค้ช เขาสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจเช่นเคยแต่ก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่เป็นประจำ จนในปี 1997 เขาก็ย้ายมาอยู่กับ โบโลญญ่า เพียงแค่ปีเดียวก็ย้ายมายังถิ่น ซาน ซิโร่ อีกครั้งแต่เป็น อินเตอร์ มิลาน และช่วงปลายการค้าแข้งของเขาก็ย้ายมายัง เบรสชา และยุติการค้าแข้งกับสโมสรแห่งนี้


ข้อมูลที่น่าสนใจ


ชื่อ : โรแบร์โต้ บักโจ้
ชื่ออังกฤษ : Roberto Baggio
สถานที่เกิด : กัลดอญโญ่, อิตาลี
เกิดวันที่ : 18 กุมภาพันธ์ 1967
ส่วนสูง : 174
ตำแหน่ง : กองหน้าตัวต่ำ
ทีมชาติ : อิตาลี
เคยค้าแข้งที่ : สโมสร วืเชนซ่า – 1982–1985

สโมสร ฟิออเรนติน่า – 1985–1990

สโมสร ยูเวนตุส – 1990–1995

สโมสร เอซี มิลาน – 1995–1997

สโมสร โบโลญญ่า – 1997–1998

สโมสร อินเตอร์ มิลาน – 1998–2000

สโมสร เบรสชา – 2000–2004
ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของโลกจากฟีฟ่า ในปี : 1993
ได้รับรางวัล Golden Foot ในปี : 2003
ได้รับรางวัล บังลังดอร์ ในปี : 1993


ความแข็งแกร่ง
73%

การยิงบอล
92%

การผ่านบอล
90%

เทคนิคการเล่น
98%

การเลี้ยงบอล ความคล่องตัว
96%

ความเร็ว
70%

ติดตาม โรแบร์โต้ บักโจ้ บนโลกโซเชี่ยล ได้ที่ทาง


twitter facebook instagram googleplus github forrst


สนับสนุนเว็บไซต์ gurusportsoccer.com ด้วยนะครับ



โรแบร์โต้ บักโจ้

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

หลุยส์ ฟิโก้

ตำนาน จอมเทคนิคแห่งโปรตุกีส หลุยส์ ฟิโก้ (Luis Filipe Madeira Caeiro Figo) หนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของโลกคนนึง จอมทัพจากโปรตุเกสที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2006 ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในตำแหน่งปีกขวาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา ได้รับรางวัลบังลังดอร์ในปี 2000 และอีกมากมายหลายรางวัล เป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนที่เคยลงเล่นให้กับสองสโมสรบาร์เซโลน่า และ รีล มาดริด และได้ประสบความสำเร็จทั้งสองทีม ราชาจอมเทคนิคความคิดอันสร้างสรรค์ การเลี้ยงบอลกับพรสวรรค์ขั้นเทพ จ่ายบอลทะลุช่องอันเหนือชั้น มีการยิงฟรีคิกและการทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ ความสามารถของเขานั้นไม่น้อยหน้า ซีเนอดิน ซีดาน อย่างแน่นอน


   ฟิโก้ เริ่มเล่นในฐานะนักฟุตบอลข้างถนน และมาเป็นเด็กฝึกหัดกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน สโมสรในประเทศบ้านเกิด ด้วยวัยเพียง 11 ปี จากนั้นเขาก็ได้ลงเล่นเป็นตัวหลักให้กับทีมชาติโปรตุเกสชุดอายุไม่เกิน 16 ปี และได้แชมป์โลกในชุด 20 ปี พร้อมกับจอมทัพตำนานของโปรตุเกสอย่าง รุย คอสต้า, เปาโล ซูซ่า และ เจา ปินโต จนในปี 1995 ฟิโก้ ก็ได้ย้ายมายังถิ่น คัมนู บาร์เซโลน่า จากการแนะนำของอดีตผู้จัดการทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทำให้เขาได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวและในตอนนั้น บาร์เซโลน่า มีเกมรุกที่ประสานงานที่น่ากลัวที่สุดในยุคนั้น อย่าง โรนัลโด้(บราซิล) ฟิโก้, แพทริค ไคลเวิร์ต, ริวัลโด้ และจอมทัพ เปป กวาร์ดีโอลา เป็นช่วงที่เขาประสบความสำเร็จและมีความสุขมาก จนในปี 2000 ได้เกิดจุดเปลี่ยนของเขาอีกครั้งนึ่งเมื่อเขาเกิดมีปัญหากับทางสโมสรและตัดสินใจย้ายมายัง เรอัล มาดริต คู่ปรับตลอดกาลของ บาร์เซโลน่า ด้วยสถิติการย้ายทีมที่แพงที่สุดในโลกในตอนนั้น จนทำให้เหล่าแฟนบอลบาร์เซโลน่าโกรธเคือง ฟิโก้ เหมือนรู้สึกถูกหักหลัง


   หลุยส์ ฟิโก้ เล่นให้กับ เรอัล มาดริต เพียงปีเดียวเขาก็ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของโลกจากฟีฟ่า ในปี 2001 ด้วยการผสานงานงานกับจอมทัพตำนานของโลกอย่าง ซีเนอดิน ซีดาน, เดวิด เบ็คแฮม จน หลุยส์ ฟิโก้ เล่นให้กับ เรอัล มาดริต มา5 ฤดูกาล ประสบความสำเร็จให้กับทีมมามากมาย จนสโมสร เรอัล มาดริต ยกให้เขาเป็นตำนานและนักเตะที่ดีที่สุดของสโมสรคนนึง และช่วงปลายการค้าแข้งของ ฟิโก้ เขาต้องการหาประสบการณ์ใหม่ที่อิตาลี่ จึงย้ายมายัง อินเตอร์ มิลาน ในปี 2005 และตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2009 แต่เขาก็ยังมีส่วนร่วมกับบอร์ดและโครงการที่เกี่ยวข้องกับสโมสร อินเตอร์ มิลาน อยู่


ข้อมูลที่น่าสนใจ


ชื่อ : หลุยส์ ฟิโก้
ชื่ออังกฤษ : Luis Filipe Madeira Caeiro Figo
สถานที่เกิด : อัลมาดา, โปรตุเกส
เกิดวันที่ : 4 พฤศจิกายน 1972
ส่วนสูง : 180
ตำแหน่ง : กองกลางตัวรุก, กองกลางตัวริมเส้น
ทีมชาติ : โปรตุเกส
เคยค้าแข้งที่ : สโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน – 1984–1989 (เยาวชน), 1989–1995

สโมสร บาร์เซโลน่า – 1995–2000

สโมสร เรอัล มาดริต – 2000–2005

สโมสร อินเตอร์ มิลาน – 2005–2009
ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของโลกจากฟีฟ่า ในปี : 2001
ได้รับรางวัล บังลังดอร์ ในปี : 2000


ความแข็งแกร่ง
76%

การยิงบอล
84%

การผ่านบอล
90%

เทคนิคการเล่น
97%

การเลี้ยงบอล ความคล่องตัว
90%

ความเร็ว
80%

ติดตาม หลุยส์ ฟิโก้ บนโลกโซเชี่ยล ได้ที่ทาง


twitter facebook instagram googleplus github forrst


สนับสนุนเว็บไซต์ gurusportsoccer.com ด้วยนะครับ



หลุยส์ ฟิโก้

ริวัลโด้

ตำนาน ไบซิเคิล คิก ริวัลโด้ (Rivaldo Vitor Borba Ferreira) นักเตะที่เปี่ยมล้นด้วยพรสวรรค์ ตำนานตลอดกาลของเหล่าแฟนบอลชาวบราซิล สุดยอดกองกลางตัวริมเส้นที่ยอดเยี่ยมตลอดกาลคนหนึ่ง เป็นเพลย์เมกเกอร์ตัวหลักพร้อมกับ โรนัลดินโญ่ ช่วยให้ทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์โลกในปี 2002 ได้รับรางวัล บังลังดอร์ในปี 1999 เป็นกองกลางตัวรุกและตัวริมเส้นที่ครบเครื่อง มีทักษะสไตล์ชาวแซมบ้าอย่างเต็มตัว มีความเร็ว ความคล่องแคร่ว ทีเด็ดอยู่ที่การกระชากบอลแล้วส่งบอลให้กองหน้าทำประตู และเป็นนักเตะเท้าหนักคนนึง บราซิลยุคนั้นถ้าจะให้โหดต้องมี โรนัลโด้, โรนัลดินโญ่, คาลอส และที่ขาดไม่ได้อีกคนนั่นก็คือ ริวัลโด้


   ริวัลโด้ เป็นคนยากจนเกิดในสลัมของเมืองพอร์ตเรซิเฟ่ เขาเล่นให้กับ ซานตาครูซ ในปี 1991 แค่ปีเดียวก็ย้ายไปเล่นให้กับ โมกิ มิริม จากนั้น โครินเธียนส์ ก้ได้ขอยืมตัวไปในปี 1993 จน พาไมรัส เห็นฟอร์มการเล่นจึงคว้าตัวไปในปี 1994 และช่วยให้สโมสรป้องกันแชมป์ลีกของบราซิลไว้ได้ ทำให้ในตอนนั้นเขาถูกยกย่องว่าเป็นนักเตะกองกลางที่ดีที่สุดของลีกบราซิล ทำให้สโมสรดังจากยุโรป ลา คอรุญญ่า คว้าตัวไปร่วมทัพในปี 1996 เพียงฤดูกาลเดียวเขาระเบิดฟอร์มการเล่นทำประตู 21 ลูกจาก 41 นัด ทำให้ บาร์เซโลน่าต้องการตัวเขาเป็นอย่างมาก จนได้คว้าตัวได้สำเร็จในปี 1997 และในปีเดียวกัน ริวัลโด้ ก้ได้พาทีมชาติคว้าแชมป์โคปาอเมริกาไปได้


   เมื่อเขาย้ายมายังถิ่น คัมนู บาร์เซโลน่าระเบิดฟอร์มการเล่นฤดูกาลแรกกับ 19 ลูกใน 34 นัด เป็นยุครุ่งเรื่องของเขามาก และในปี 1998 เขาก็พาทีมชาติบราซิลคว้าอันดับ2 ฟุตบอลโลกที่แพ้เจ้าภาพฝรั่งเศสไปอย่างน่าเสียดาย แต่ในปี 1999 เขาก้ได้รับรางวัล บังลังดอร์ และนักเตะยอดเยี่ยมของโลกจากฟีฟ่า มาครอง เขาอุทิศตัวและมีความสุขดีมากกับบาร์เซโลน่าพร้อมกับเหล่าแฟนบอลที่คอยสนับสนุนเขาอยู่ตลอดเวลา จนถึงปี 2002 ช่วงบอลโลกเขาก้ได้พาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์โลก 2002 พร้อมกับรางวัลรองดาวซัลโวไปคลอง และช่วงบอลโลกปีนั้นเขาต้องการที่จะหาประสบการณ์ใหม่และย้ายไปอยู่กับทีมดัง เอซี มิลาน ไปในที่สุด และภายหลังช่วงปลายการค้าแข้งของ ริวัลโด้ นั้นได้ย้ายออกไปหาประการณ์ใหม่ๆมากมายหลายสโมสร ทั้งในยุโรป เอเชีย อเมริกา จนในปี 2014 เขาก้ได้แขวนสตั๊ดกับสโมสร โมกิ มิริม อีกครั้ง


ข้อมูลที่น่าสนใจ


ชื่อ : ริวัลโด้
ชื่ออังกฤษ : Rivaldo Vitor Borba Ferreira
สถานที่เกิด : เรซิเฟ่, บราซิล
เกิดวันที่ : 19 เมษายน 1972
ส่วนสูง : 187
ตำแหน่ง : กองกลางตัวรุก, กองกลางตัวริมเส้น
ทีมชาติ : บราซิล
เคยค้าแข้งที่ : สโมสร ซานตาครูซ – 1991–1992

สโมสร โมกิ มิริม – 1992–1994, 2010–2011, 2014

สโมสร พาไมรัส – 1994–1996

สโมสร ลา คอรุญญ่า – 1996–1997

สโมสร บาร์เซโลน่า – 1997–2002

สโมสร เอซี มิลาน – 2002–2004

สโมสร โอลิมเปียกอส – 2004–2007

สโมสร เออีเค เอเธนส์ – 2007–2008

สโมสร บุนยอดกอร์ – 2008–2010

สโมสร คาบูสคอร์ป – 2012

สโมสร เซา เคตาโน่ – 2013
เคยถูกยืมตัวมายัง : สโมสร โครินเธียนส์ – 1993–1994

สโมสร ครูไซโร่ – 2004

สโมสร เซาเปาโล – 2011
ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของโลกจากฟีฟ่า ในปี : 1999
ได้รับรางวัล บังลังดอร์ ในปี : 1999


ความแข็งแกร่ง
82%

การยิงบอล
87%

การผ่านบอล
85%

เทคนิคการเล่น
92%

การเลี้ยงบอล ความคล่องตัว
92%

ความเร็ว
88%

ติดตาม ริวัลโด้ บนโลกโซเชี่ยล ได้ที่ทาง


twitter facebook instagram googleplus github forrst


สนับสนุนเว็บไซต์ gurusportsoccer.com ด้วยนะครับ



ริวัลโด้

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

เจย์ เจย์ โอโคชา

ตำนาน “ราชาเรนโบว์ ฟริค” เจย์ เจย์ โอโคชา (Augustine Azuka “Jay-Jay” Okocha) จากนักเตะข้างถนนที่เรียกกันว่า สตรีทฟุตบอล จนกลายมาเป็นมิดฟิลด์ระดับตำนานของไนจีเรียกับสไตล์การเล่นแบบอเมริกาใต้ เป็นนักเตะระดับตำนานชั้นแนวหน้าของทวีปแอฟริกา เคยได้รับรางวัลอันดับ 2 นักเตะยอดเยี่ยมแห่งทวีปแอฟริกาในปี 1998 และได้อับดับ 3 ในปี 2003, 2004 เจย์ เจย์ โอโคชา เป็นนักเตะที่มีความคล่องแคล่วว่องไว ทักษะในการเลี้ยงบอล ชอบผ่านบอลทะลุช่่องให้กองหน้าทำประตู พร้อมด้วยเทคนิคขั้นเทพในการกระดกบอลข้ามหัวฝ่ายตรงข้ามที่เรียกว่า Rainbow Flick เจย์ เจย์ โอโคชา เล่นให้ทีมชาติแห่งดินแดนมรกต ไนจีเรีย ได้เด่นมาก เป็นเพลย์เมกเกอร์ขวัญใจแฟนบอลไนจีเรียด้วยสไตล์การเล่นแบบอเมริกาใต้ที่เล่นเอาใจแฟนบอลไม่เน้นผลแพ้ชนะ นั่นคือ เจย์ เจย์ โอโคชา


   เจย์ เจย์ โอโคชา เริ่มค้าแข้งกับสโมสรเล็กๆของเยอรมัน โบรุสเซีย นอนเคเช่น ที่ในตอนนั้นอยู่ดิวีชั่น3 ของเยอรมัน เขาได้สร้างความประทับใจให้กับสโมสรเป็นอย่างมาก จนสโมสรดังอย่าง แฟร้งค์เฟิร์ต สนใจและคว้าตัวไปร่วมทัพในปี 1992 จากนั้น เจย์ เจย์ โอโคชา ได้โชว์ฝีไม้ลายมือจนเป็นขวัญใจเหล่าแฟนบอล แฟร้งค์เฟิร์ต และเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงโด่งดังในบุนเดสลีก้า แต่ด้วย เจย์ เจย์ โอโคชา เกิดปัญหาส่วนตัวกับโค้ชจึงตัดสินใจย้ายจากถิ่นแฟร้งค์เฟิร์ต ไปยัง อิสตัลบูล เฟเนร์บาห์เช่


   เมื่อ เจย์ เจย์ โอโคชา ย้ายมายังถิ่น เฟเนร์บาห์เช่ ไม่นานเขาก็ได้เป็นจอมทัพสำคัญและได้รับเกียรติให้สวมหมายเลข 10 เขาสร้างชื่อเสียงมากในการยิงฟรีคิกให้กับทีม และในปี 1998 สโมสรยักษ์ใหญ่แห่ง ฝรั่งเศส ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เสนอเงินถึง 24 ล้านปอนด์ จนเฟเนร์บาห์เช่ ปฎิเสธไม่ได้และได้ย้ายมายังถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไปในที่สุด ในช่วงเวลาที่อยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง นั้นเป็นช่วงที่ฟอร์มการเล่นของเขาฮอตมากทั้งในทีมชาติและสโมสร เป็นเพลย์เมกเกอร์ตัวสำคัญของทีม จนในปี 2002 ด้วยที่เขามีอาการปวดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จึงตัดสินใจปล่อยตัว เจย์ เจย์ โอโคชา ไปยังถิ่น โบลตัน ที่เหล่าแฟนบอลให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดีมาก เป็นขวัญใจแฟนบอลโบลตันอย่างรวดเร็ว และในเวลาไม่นานเขาก็ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมและถูกจารึกกับสโมสร โบลตัน เป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุข จนช่วงใกล้จะสิ้นสุดการค้าแข้งของ เจย์ เจย์ โอโคชา เขาต้องการหาประสบการณ์ใหม่ๆจึงได้ย้ายมายังสโมสร การ์ต้า เอสซี และจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ย้ายมาสโมสร ฮัลล์ ซิตี้ และแขวนสตั๊ดกับฮัลล์ ซิตี้


ข้อมูลที่น่าสนใจ


ชื่อ : เจย์ เจย์ โอโคชา
ชื่ออังกฤษ : Augustine Azuka “Jay-Jay” Okocha
สถานที่เกิด : อีนูกู,ไนจีเรีย
เกิดวันที่ : 14 สิงหาคม 1973
ส่วนสูง : 176
ตำแหน่ง : กองกลางตัวรุก
ทีมชาติ : ไนจีเรีย
เคยค้าแข้งที่ : สโมสร โบรุสเซีย นอนเคเช่น – 1990–1992

สโมสร แฟร้งค์เฟิร์ต – 1992–1996

สโมสร เฟเนร์บาห์เช่ – 1996–1998

สโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง – 1998–2002

สโมสร โบลตัน – 2002–2006

สโมสร การ์ต้า เอสซี – 2006–2007

สโมสร ฮัลล์ ซิตี้ – 2007–2008
ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกา อันดับ 2 ในปี : 1998


ความแข็งแกร่ง
70%

การยิงบอล
80%

การผ่านบอล
85%

เทคนิคการเล่น
90%

การเลี้ยงบอล ความคล่องตัว
94%

ความเร็ว
81%

ติดตาม เจย์ เจย์ โอโคชา บนโลกโซเชี่ยล ได้ที่ทาง


twitter facebook instagram googleplus github forrst


สนับสนุนเว็บไซต์ gurusportsoccer.com ด้วยนะครับ



เจย์ เจย์ โอโคชา

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

มาร์กอส คาฟู

ตำนาน รถไฟด่วนแห่งบราซิล มาร์กอส คาฟู (Marcos Evangelista de Morais) หรือ Cafu ยอดแบ็กขวากัปตันทีมตลอดกาลแห่ง บราซิล ถูกยกย่องจากตำนานลูกหนังโลก “เปเล่” ว่าเป็นแบ็กขวาที่ดีที่สุดของโลกคนนึง เป็นนักเตะที่เคยได้เล่นในนัดชิงบอลโลกมาแล้วสองครั้งในปี 1994 และ 2002 ประสบความสำเร็จทั้งในทีมชาติและสโมสรมาแล้วมากมาย ได้รับเกียรติให้อยู่ในรายชื่อ Hall of Fame ของสโมสรระดับโลกอย่าง เอซี มิลาน และแฟนบอลของ เซา เปาโล กับ เอเอส โรม่า ก็ไม่เคยลืมเขาเช่นกัน มาร์กอส คาฟู เป็นนักเตะที่เล่นได้คงเส้นคงวา มีสไตล์การเล่นที่ค่อนข้างมีความเร็วและความแข็งแกร่ง มีความสามารถเฉพาะตัวที่สูง พร้อมเทคนิคสไตล์บราซิล มีจังหวะการผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูได้ดีเยี่ยม เป็นยอดกัปตันทีมที่สามารถคุมทัพได้เป็นอย่างดี และจุดเด่นที่สุดคือการเติมเกมรุกที่ยอดเยี่ยมนั่นเอง


   มาร์กอส คาฟู เป็นเด็กฝึกจากสโมสรบ้านเกิดของเขา เซา เปาโล เดิมทีคาฟูนั้นได้เล่นในตำแหน่ง กองกลาง ของเยาวชน เซา เปาโล แต่ด้วยโค๊ชเห็นความสามารถของเขาว่าควรเหมาะสมให้เล่นตำแหน่ง แบ็กขวา จึงเปลี่ยนให้เขาเล่นแบ็กขวา และเขาก็เล่นดีมากกว่าตำแหน่งกองกลางจริงๆ และได้เลื่อนขึ้นเล่นเป็นชุดใหญ่ของสโมสร จนปี 1994 มาร์กอส คาฟู ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งทวีปอเมริกาใต้ และในปีเดียวกัน คาฟู ก็ได้ย้ายไปร่วมทัพกับทีม เรอัล ซาราโกซ่า จากสเปน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ จึงย้ายกลับมายัง สโมสร จูเวนตุ๊ด จากบราซิลในปี 1995 แค่ภายในปีเดียว คาฟู ก็ถูกดึงตัวมายังสโมสร พัลไมรัส และเขาก็เล่นได้โดดเด่นอีกครั้งจนสโมสร เอเอส โรม่า ให้ความสนใจและคว้าตัวมาในปี 1997


   คาฟู ได้ลงเล่นกับ เอเอส โรม่า และได้เป็นกองหลังตัวหลักและตัวเติมเกมรุกตัวสำคัญของทีม คาฟูประสบความสำเร็จและมีความสุข เขาเลยกลายเป็นนักเตะที่แฟนบอลโรม่ารักและชื่นชอบเป็นอย่างมาก จากนั้นคาฟูก็ต้องการที่จะหาประสบการณ์ใหม่จึงได้ย้ายมายังถิ่น ซาน ซิโร่ เอซี มิลาน ในปี 2003 เขายังคงเล่นได้อย่างดีเยี่ยมเช่นเคย และในช่วงเวลานั้นสโมสร เอซี มิลาน จัดได้ว่ามีกองหลังที่ดีที่สุดของโลก อย่าง คาฟู เนสต้า มัลดินี่ ที่กองหน้าได้ยินชื่อแล้ว ไม่อยากเจออยากไปเล่นกองดินเลยที่เดียว เขาประสบความสำเร็จและมีความสุขเป็นอย่างมาก จนได้รับเกียรติให้อยู่ในรายชื่อ Hall of Fame ของสโมสร เอซี มิลาน และเขาก็ได้แขวนสตั๊ดกับ เอซี มิลาน ในปี 2008


ข้อมูลที่น่าสนใจ


ชื่อ : มาร์กอส คาฟู
ชื่ออังกฤษ : Marcos Evangelista de Morais
สถานที่เกิด : เซา เปาโล, บราซิล
เกิดวันที่ : 7 มิถุนายน 1970
ส่วนสูง : 176
ตำแหน่ง : แบ็กขวา
ทีมชาติ : บราซิล
เคยค้าแข้งที่ : สโมสร เซา เปาโล – 1988–1990 (เยาวชน), 1990–1994

สโมสร เรอัล ซาราโกซ่า – 1994–1995

สโมสร จูเวนตุ๊ด – 1995

สโมสร พัลไมรัส – 1996–1997

สโมสร เอเอส โรม่า – 1997–2003

สโมสร เอซี มิลาน – 2003–2008
ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของทวีปอเมริกาใต้ ในปี : 1994


การเติมเกมรุก
88%

การเล่นลูกกลางอากาศ
80%

การสกัดบอล
80%

การประกบคู่ต่อสู้
84%

ความแข็งแกร่ง
85%

ความเร็ว
82%

ติดตาม มาร์กอส คาฟู บนโลกโซเชี่ยล ได้ที่ทาง


twitter facebook instagram googleplus github forrst


สนับสนุนเว็บไซต์ gurusportsoccer.com ด้วยนะครับ



มาร์กอส คาฟู

ดาวอร์ ซูเคอร์

   ตำนาน กองหน้าผ้าเย็นแห่งตราหมากรุก ดาวอร์ ซูเคอร์ (Davor Suker) ตำนานกองหน้าชั้นแนวหน้าของโลก กองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาตร์โครเอเชีย สร้างชื่อเสียงเป็นอย่างมากในการแข่งขัน ฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส และเป็นเจ้าของรองเท้าทองคำฟุตบอลโลกปี 1998 เป็นกองหน้าที่มีความเร็วไม่ค่อยมากนัก แต่มีสกิลความสามารถในการยิงประตูสูงมาก เลี้ยงบอลเก่ง ซ้ายสั่งตาย สามารถยิงได้ทุกจังหวะ มีสัญชาตญาณกองหน้าอย่างแท้จริง นี่คือ ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ โครเอเชีย


   ดาวอร์ ซูเคอร์ เริ่มจากการเป็นเด็กฝึกหัดจากสโมสร โอซีเยค ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง และได้ลงเล่นชุดใหญ่ในปี่ 1984 จน ดาวอร์ ซูเคอร์ ได้กลายเป็นกองหน้าชั้นแนวหน้าของลีกโครเอเชียอย่างรวดเร็ว จนสโมสรดังแห่งโครเอเชีย ดินาโม ซาเกร็บ คว้าตัวไปร่วมทัพในปี 1989 เมื่อย้ายมา ดินาโม ซาเกร็บ ฟอร์มการทำประตูของ ซูเคอร์ ยังคงร้อนแรงเช่นเดิม จนทำให้สโมสรดังแห่งสเปน เซบีย่า คว้าตัวไปในปี 1991 และในฤดูกาล 1993–1994 ซูเคอร์ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบนักเตะที่ดีที่สุดของลีก ลาลีกา สเปน คว้ารองดาวซัลโว ลาลีกา ซึ่งที่ 1 ในฤดูกาลนั้นคือ โรมาริโอ จากบาซ่า จนเป็นขวัญใจและตำนาน เซบีย่า ไปในที่สุด


   หลังจากประสบความสำเร็จให้กับ เซบีย่า มามากแล้ว ดาวอร์ ซูเคอร์ ได้ย้ายมายังถิ่น ซานติเอโก้ เบอร์นาบิว เรอัล มาดริต ในปี 1996 เขาก็ได้ระเบิดฟอร์มการทำประตูให้กับ มาดริต อย่างมาก และในปี 1998 ซึ่งเป็นยุคทองของเขา ที่พาทีมชาติ โครเอเชีย คว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส พร้อมกับรางวัลรองเท้าทองคำฟุตบอลโลก รางวัลอันดับ2บังลังดอร์ อันดับ3นักเตะยอดเยี่ยมของโลกจาก ฟีฟ่า ทั้งหมดในปี 1998 หลังจากเสร็จสิ้นบอลโลกพร้อมกับความสำเร็จมากมายแล้ว ดาวอร์ ซูเคอร์ ก็ได้ย้ายมายังถิ่น ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ในปี 1999 และในช่วงปลายการค้าแข้งของเขาก็ได้ย้ายจาก อาร์เซน่อล มาซบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และได้ยุติการค้าแข้งกับสโมสรดังแห่งเยอรมัน 1860 มิวนิค


   ในเวลาต่อมา ดาวอร์ ซูเคอร์ ได้กลับไปยังบ้านเกิดเพื่อเปิดสถาบันสอนฟุตบอลใน ซาเกร็บ เมืองหลวงของประเทศ โครเอเชีย เพื่อให้เยาวชนได้หันมาเล่นกีฬาและเพื่อให้ตัวเขาเองเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนรุ่นหลังประสบความสำเร็จอย่างที่ตัวเขาเคยได้รับมา


ข้อมูลที่น่าสนใจ


ชื่อ : ดาวอร์ ซูเคอร์
ชื่ออังกฤษ : Davor Suker
สถานที่เกิด : โอซีเยค, ยูโกสลาเวีย (เก่า)
เกิดวันที่ : 1 กรกฎาคม 1968
ส่วนสูง : 183
ตำแหน่ง : กองหน้า
ทีมชาติ : โครเอเชีย
เคยค้าแข้งที่ : สโมสร โอซีเยค – 1984–1989

สโมสร ดินาโม ซาเกร็บ – 1989–1991

สโมสร เซบีย่า – 1991–1996

สโมสร เรอัล มาดริด – 1996–1999

สโมสร อาร์เซนอล – 1999–2000

สโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด – 2000–2001

สโมสร 1860 มิวนิค – 2001–2003
ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของโลกจากฟีฟ่า อันดับ 3 ในปี : 1998
ได้รับรางวัล บังลังดอร์ อันดับ 2 ในปี : 1998
ได้รับรางวัล รองเท้าทองคำฟุตบอลโลก ในปี : 1998


การจบสกอร์
96%

การเล่นลูกกลางอากาศ
83%

การยิงบอลที่รุนแรง
84%

ความเร็ว
79%

เทคนิคการเล่น
90%

ความคล่องตัว การเลี้ยงบอล
89%

ติดตาม ดาวอร์ ซูเคอร์ บนโลกโซเชี่ยล ได้ที่ทาง


twitter facebook instagram googleplus github forrst


สนับสนุนเว็บไซต์ gurusportsoccer.com ด้วยนะครับ



ดาวอร์ ซูเคอร์

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า

ตำนาน เจ้ากระต่ายน้อย ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า (Javier Pedro Saviola Fernandez) กองหน้าจรวดร่างเล็กแห่ง อาร์เจนติน่า ที่มีฉายาว่า กระต่ายน้อย เพราะฟันหน้าของเขายื่นมาคล้ายกับกระต่ายจึงได้รับฉายานี้ตั้งแต่อยู่กับ ลิเวอร์เพลท และมีชื่อเสี่ยงโด่งดังกับลิเวอร์เพลท ฮาเวียร์ ซาวิโอล่าฉายแววตั้งแต่เตะให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดอายุไม่เกิน 21 ปี จนอดีตตำนานนักเตะหลายคนได้ชมเชยในตัวเขา ซาวิโอล่า เป็นกองหน้าพรสวรรค์สูง ที่มีความเร็วความคล่องตัว ความสามารถเฉพาะสูง เป็นกองหน้าที่ชอบกระชากเข้าไปยิงเอง กับชอบทำประตูในกรอบเขตโทษ จนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาใต้ในปี 1999 ด้วยวัยช่วงนั้นที่ซาวิโอล่าอายุยังไม่มาก เลยกลายเป็นนักเตะเนื้อหอมจนทำให้สโมสรดังจากยุโรปให้ความสนใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก จนได้ย้ายมาอยู่กับบาซ่า ก็ได้โชว์ความสามารถทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ แต่ด้วยว่าสโมสรบาเซโลน่านั้นก็มีกองหน้าระดับโลกมากมายเช่นกัน ซาวิโอล่า จึงได้ถูกยืมตัวไปสโมสรอื่นบ่อยครั้ง และในปี 2007 เขาก็ได้ย้ายไปอยู่กับสโมสร เรอัล มาดริต ซาวิโอล่านั้นก็ไม่ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่เลยเพราะไม่มีโอกาสได้ลงเล่นสักเท่าไหร่ ในปี 2009 จึงประกาศย้ายทีมจาก เรอัล มาดริต และเป็นเบนฟืก้าที่คว้าตัวไปในปีนั้น ส่วนในปี 2015 ซาวิโอล่า นั้นได้เล่นให้กับสโมสร เวโรน่า แห่งอิตาลี่


ข้อมูลที่น่าสนใจ


ชื่อ : ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า
ชื่ออังกฤษ : Javier Pedro Saviola Fernandez
สถานที่เกิด : บัวโนส ไอเรส, อาร์เจนติน่า
เกิดวันที่ : 11 ธันวาคม 1981
ส่วนสูง : 168
ตำแหน่ง : กองหน้า
ทีมชาติ : อาร์เจนติน่า
เคยค้าแข้งที่ : สโมสร ริเวอร์เพลท – 1998–2001

สโมสร บาร์เซโลน่า – 2001–2007

สโมสร เรอัล มาดริด – 2007–2009

สโมสร เบนฟิก้า – 2009–2012

สโมสร มาลาก้า – 2012–2013

สโมสร โอลิมเปียกอส – 2013–2014

สโมสร เวโรน่า – 2014–
เคยถูกยืมตัวมาที่ : สโมสร โมนาโก – 2004–2005

สโมสร เซบีย่า – 2005–2006
ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งทวีปอเมริกาใต้ ในปี : 1999


การจบสกอร์
84%

การเล่นลูกกลางอากาศ
80%

การยิงบอลที่รุนแรง
83%

ความเร็ว
80%

เทคนิคการเล่น
90%

ความคล่องตัว การเลี้ยงบอล
90%

ติดตาม ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า บนโลกโซเชี่ยล ได้ที่ทาง


twitter facebook instagram googleplus github forrst


สนับสนุนเว็บไซต์ gurusportsoccer.com ด้วยนะครับ



ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต

ตำนาน ประตูจอมฟรีคิก โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต (Jose Luis Felix Chilavert Gonzalez) หากพูดถึงผู้รักษาประตูระดับโลกแล้วคงไม่มีใครรู้จัก นายทวารจอมหนึบชาวปารากวัยอย่างแน่นอน ผู้ที่เคยเป็นผู้รักษาประตูที่สามารถทำแฮตทริกได้เกมเดียว เป็นผู้รักษาประตูจอมซัลโวฟรีคิกกับจุดโทษ และเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 1998 ของทวีปอเมริกา โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต เป็นนายทวารจอมซ่า ที่มักจะเซฟลูกยากๆ ได้เป็นประจำ และอีกหนึ่งความสามารถพิเศษของเขานั่นคือการยิงฟรีคิกที่ถือว่าความคมอยู่ในระดับโลกเลยทีเดียว โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต ตำนานปารากวัย เคยไปข้าแข้งในยุโรปอย่าง เรอัล ซาราโกซ่า แต่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดเมื่อตอนอยู่กับสโมสร เบเลซ ซาร์ฟิลด์ พร้อมได้รับเกียรติให้สวมปลอกแขนกัปตันทีม และมีวีรกรรมเด็ดในเกมที่ช่วยต้นสังกัด เบเลซ ซาร์ฟิลด์ ชนะ เฟอร์โร คาร์ริล โอเอสเต 6-1 โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ตเขาสามารถทำแฮตทริกได้ในเกมนั้น สร้างความฮือฮาให้กับวงการลูกหนังโลกมากเลยทีเดียว และในขณะที่ในทีมชาติ เขาทำประตูให้กับ ปารากวัยมาแล้วมากกว่า 8 ประตูเลยทีเดียว


ข้อมูลที่น่าสนใจ


ชื่อ : โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต
ชื่ออังกฤษ : Jose Luis Felix Chilavert Gonzalez
สถานที่เกิด : ลูเก้, ปารากวัย
เกิดวันที่ : 27 กรกฎาคม 1965
ส่วนสูง : 188
ตำแหน่ง : ผู้รักษาประตู
ทีมชาติ : ปารากวัย
เคยค้าแข้งที่ : สโมสร สปอร์ติโว่ ลูกัวโน่ – 1982–1984

สโมสร กัวรานี – 1984–1985

สโมสร ซาน ลอเรนโซ่ – 1985–1988

สโมสร เรอัล ซาราโกซ่า – 1988–1991

สโมสร เบเลซ ซาร์สฟิลด์ – 1991–2001, 2003–2004

สโมสร สตราส์บูร์ก – 2000–2003

สโมสร เพนาโรล – 2003
ได้รับรางวัล IFFHS’ World’s Best Goalkeeper of the Year ในปี : 1997, 1998


การเซฟลูกกลางอากาศ
84%

การเซฟลูกเรียด
80%

การเซฟลูกจุดโทษ
83%

การวางบอลยาว
80%

การยิงฟรีคิก
90%

การเซฟลูกยาก
90%

ติดตาม โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต บนโลกโซเชี่ยล ได้ที่ทาง


twitter facebook instagram googleplus github forrst


สนับสนุนเว็บไซต์ gurusportsoccer.com ด้วยนะครับ



โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558

พอล แกสคอยน์

ตำนาน แกซซ่า พอล แกสคอยน์ (Paul John Gascoigne) อดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ เป็นเด็กฝึกหัดจาก นิวคาสเซิ่ล จนได้กลายเป็นตำนานของสโมสร โดดเด่นมากในการเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ พอล แกสคอยน์ เป็นนักเตะที่แฟนบอลอังกฤษต่างชื่นชอบมาก เขาเป็นกองกลาง เพลย์เมกเกอร์ ระดับเทพ ที่ดีที่สุดที่ทีมชาติอังกฤษเคยมีมาเลยก็ว่าได้ เป็นนักเตะที่มีทักษะ เทคนิดขั้นเทพ ส่งบอลทะลุช่องได้เป็นอย่างดี ทีเด็ดของ แกซซ่า มักจะชอบใช้ความสามารถเฉพาะตัวเข้าไปทำประตูด้วยตัวเอง แต่เขานั้นมักจะชอบทำตัวเละเทะและมีข่าวบ่อยพอสมควร จึงได้ฉายาว่า ไอ้แกซซ่า จอมป่วนนั่นเอง พอล แกสคอยน์ นั้นถือว่าเป็นนักเตะพเนจรคนนึง เขาประสบความสำเร็จให้กับทุกๆ ทีมโดยเฉพาะ นิวคาสเซิ่ล ทีมที่ตัวเองรักและได้แจ้งเกิดจนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ที่เป็น เพลย์เมกเกอร์ ตัวสำคัญ จนทำให้แฟนบอลเรนเจอร์สชื่นชอบในตัวเขาและยกย่องให้เป็นตำนานสโมสรไปในที่สุด แต่เมื่อ พอล แกสคอยน์ ได้เลิกค้าแข้งฟุตบอลแล้ว ตัวเขาเองก็มักจะมีข่าวในเรื่องของการติดเหล้า จนถึงขั้นต้องไปบำบัด แต่แฟนบอลและอดีตเพื่อนนักฟุตบอลก็มักจะให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ


ข้อมูลที่น่าสนใจ


ชื่อ : พอล แกสคอยน์
ชื่ออังกฤษ : Paul John Gascoigne
สถานที่เกิด : ดันสตัน, อังกฤษ
เกิดวันที่ : 27 พฤษภาคม 1967
ส่วนสูง : 177
ตำแหน่ง : กองกลางตัวรุก
ทีมชาติ : อังกฤษ
เคยค้าแข้งที่ : สโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด – 1980–1985 (เยาวชน), 1985–1988

สโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ – 1988–1992

สโมสร ลาซิโอ – 1992–1995

สโมสร กลาสโกว์ เรนเจอร์ส – 1995–1998

สโมสร มิดเดิ้ลสโบรช์ – 1998–2000

สโมสร เอฟเวอร์ตัน – 2000–2002

สโมสร เบิร์นลี่ย์ – 2002

สโมสร กานซูเทียนมา – 2003

สโมสร บอสตัน ยูในเต็ด – 2004


การจบสกอร์
80%

การผ่านบอล
85%

การยิงบอลที่รุนแรง
80%

ความเร็ว
75%

เทคนิคการเล่น
96%

ความคล่องตัว การเลี้ยงบอล
90%

ติดตาม พอล แกสคอยน์ บนโลกโซเชี่ยล ได้ที่ทาง


twitter facebook instagram googleplus github forrst


สนับสนุนเว็บไซต์ gurusportsoccer.com ด้วยนะครับ



พอล แกสคอยน์